จากแนวทางการทำงานหลายปี เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ที่ผ่านพ้นจากวัยหนุ่มแน่น กล้ามเป็นมัด กระสันทำงาน แบบไม่เห็นแก่เหน็ดเหนือย เจอตอยอมรับว่าท้อ ถอยจนติดตรอกก็ว่าได้ เป็นเรื่องเป็นราวให้ชาวหนองคายโจษกันไปมากมาย มาถึงตอนนี้ ย่างเข้าวัยอันถึงภาวะลูกตุ้มที่ลอยเหนือแรงโน้มถ่วงจะร่วงลง แต่ยังมีสายลมอันร้อนแรง แผ่วบางบ้าง พัดพริ้วริ้วล่อให้ทรงอยู่ จากแนวความคิดเป็นประสบการณ์ในชุมชนคนดูแลสุขภาพภายใต้บริบทแผนพัฒนาฉบับต่าง ๆ ที่เห็นว่าดี แต่ยังไม่องค์รวมเท่าที่ควร การมุ่งพัฒนาคน แต่ดูคิดผิดที่ กลับดูแลคนให้บริการมากกว่า การสอนให้คนปั้นปลาย เป็นด้วยตนเอง เพราะเมืองไทย การศึกษาล้าหลัง การเข้าถึงองค์ความรู้ยังไม่ครอบคลุม การสื่อสารยังต้องพัฒนา และบางที่สื่อดี แต่คนรับไม่มีพื้นฐานก็จบได้แบบไม่สวยมากนัก คงต้องแก้ต่อไป...แบบที่เห็น ๆ กัน เป็นประชาขน เป็นลูกนกเจี๊ยบ ๆ รออ้าปากรอรับความช่วยเหลือจากคนทีจะกิน ไม่ต่างคนที่ไม่ถูกน้ำท่วมหรือภัยพิบัติ แต่ก็แร้นแค้นมากกว่าเช่นกัน อันนี้ เราคงต้องมองมุมใหม่........มุมของ "ทำอย่างไรประชาชนต้องช่วยตัวเองได้" ไม่ว่าจะเป็น สภาวะใด ๆ แม้ การดูแลความเจ็บป่วยเบื้องต้น เจ็บป่วยเล็ก ๆน้อย ที่ไม่ต้องไปแออัดใน รพ. อย่างที่แก้กันตั้งแต่ระดับนโยบายไปถึงระดับปฏิบัติก็ยังต้องแก้ต่อไป....(ติดตาม) ต่อ... มุมที่น่าสนใจ เรื่อง Context Based Learning - CBL ถึงบางอ้อเลย เนี้ยเลย รัฐบาลต้องงี้เลย ให้คนในชุมชนคิด วางแผน ทำเอง.......หากมัวยุ่ง รวมทั้งการประกวด การประเมิน ต่าง ๆ อาจลดกระบวนการลงหรือ อาจไม่น่ามีเลย เพื่ออะไร ประกวดกันที่ ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับมะเร็ง รอบเอว เจาะกันเห็น ๆ ความดีเด่นไปเลย อย่าเอาความผิวเผินรูปร่างหน้าตา สถานที่ดี คนดี บริการดี กลุ่มเป้าหมายมาเอง ผู้ประเมิน ประกวด เข้าให้ถึง ไปบ่อย ๆ ไม่ควรสักแต่ว่า ตัวชี้วัด ๆ เต็มกระบุง อยู่นั่น อิอิ จับชาวบ้านมาวัดระดับการทำงานของเซลล์ไปเลย สุ่มอย่างเป็นระบบ ให้บริการดี เอาไปรางวัล หรือ ถามความพึงพอใจชาวบ้านประกอบก็น่าจะได้....ดังนั้น การส่งเสริมให้ชาวบ้าน คิด วางแผน แก้ไขปัญหาเอง แล้วปัญหาจะไม่กระจุกเป็นงูกินหาง มากองที่รัฐอีกต่อไป ลดกำลังคนเป็นเรื่องจิบจ้อย..เลยหละ(!!!ฮา) ท่านเจ้าคุณ ขอรับ!ชาวพี่น้องอนามัยทั้งหลาย ถอยออกมาบ้างอย่าให้บริการเขาแต่ฝ่ายเดียว เปิดโอกาสให้ชาวบ้านบริการตัวเอง อย่างมีหลักการบ้าง การแก้จะตรงจุดและนั่นแหละคือ การพึ่งตนเองในบริบทของตนเองอย่างแท้จริง เหลือบ่ากว่าแรง ค่อยว่ากันอีกที นั่นเป็น บริบทของภาครัฐที่ต้องรองรับกันต่อไป....
อนามัยถอย!!!!
จากแนวทางการทำงานหลายปี เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ที่ผ่านพ้นจากวัยหนุ่มแน่น กล้ามเป็นมัด กระสันทำงาน แบบไม่เห็นแก่เหน็ดเหนือย เจอตอยอมรับว่าท้อ ถอยจนติดตรอกก็ว่าได้ เป็นเรื่องเป็นราวให้ชาวหนองคายโจษกันไปมากมาย มาถึงตอนนี้ ย่างเข้าวัยอันถึงภาวะลูกตุ้มที่ลอยเหนือแรงโน้มถ่วงจะร่วงลง แต่ยังมีสายลมอันร้อนแรง แผ่วบางบ้าง พัดพริ้วริ้วล่อให้ทรงอยู่ จากแนวความคิดเป็นประสบการณ์ในชุมชนคนดูแลสุขภาพภายใต้บริบทแผนพัฒนาฉบับต่าง ๆ ที่เห็นว่าดี แต่ยังไม่องค์รวมเท่าที่ควร การมุ่งพัฒนาคน แต่ดูคิดผิดที่ กลับดูแลคนให้บริการมากกว่า การสอนให้คนปั้นปลาย เป็นด้วยตนเอง เพราะเมืองไทย การศึกษาล้าหลัง การเข้าถึงองค์ความรู้ยังไม่ครอบคลุม การสื่อสารยังต้องพัฒนา และบางที่สื่อดี แต่คนรับไม่มีพื้นฐานก็จบได้แบบไม่สวยมากนัก คงต้องแก้ต่อไป...แบบที่เห็น ๆ กัน เป็นประชาขน เป็นลูกนกเจี๊ยบ ๆ รออ้าปากรอรับความช่วยเหลือจากคนทีจะกิน ไม่ต่างคนที่ไม่ถูกน้ำท่วมหรือภัยพิบัติ แต่ก็แร้นแค้นมากกว่าเช่นกัน อันนี้ เราคงต้องมองมุมใหม่........มุมของ "ทำอย่างไรประชาชนต้องช่วยตัวเองได้" ไม่ว่าจะเป็น สภาวะใด ๆ แม้ การดูแลความเจ็บป่วยเบื้องต้น เจ็บป่วยเล็ก ๆน้อย ที่ไม่ต้องไปแออัดใน รพ. อย่างที่แก้กันตั้งแต่ระดับนโยบายไปถึงระดับปฏิบัติก็ยังต้องแก้ต่อไป....(ติดตาม) ต่อ... มุมที่น่าสนใจ เรื่อง Context Based Learning - CBL ถึงบางอ้อเลย เนี้ยเลย รัฐบาลต้องงี้เลย ให้คนในชุมชนคิด วางแผน ทำเอง.......หากมัวยุ่ง รวมทั้งการประกวด การประเมิน ต่าง ๆ อาจลดกระบวนการลงหรือ อาจไม่น่ามีเลย เพื่ออะไร ประกวดกันที่ ระดับน้ำตาลในเลือด ระดับมะเร็ง รอบเอว เจาะกันเห็น ๆ ความดีเด่นไปเลย อย่าเอาความผิวเผินรูปร่างหน้าตา สถานที่ดี คนดี บริการดี กลุ่มเป้าหมายมาเอง ผู้ประเมิน ประกวด เข้าให้ถึง ไปบ่อย ๆ ไม่ควรสักแต่ว่า ตัวชี้วัด ๆ เต็มกระบุง อยู่นั่น อิอิ จับชาวบ้านมาวัดระดับการทำงานของเซลล์ไปเลย สุ่มอย่างเป็นระบบ ให้บริการดี เอาไปรางวัล หรือ ถามความพึงพอใจชาวบ้านประกอบก็น่าจะได้....ดังนั้น การส่งเสริมให้ชาวบ้าน คิด วางแผน แก้ไขปัญหาเอง แล้วปัญหาจะไม่กระจุกเป็นงูกินหาง มากองที่รัฐอีกต่อไป ลดกำลังคนเป็นเรื่องจิบจ้อย..เลยหละ(!!!ฮา) ท่านเจ้าคุณ ขอรับ!ชาวพี่น้องอนามัยทั้งหลาย ถอยออกมาบ้างอย่าให้บริการเขาแต่ฝ่ายเดียว เปิดโอกาสให้ชาวบ้านบริการตัวเอง อย่างมีหลักการบ้าง การแก้จะตรงจุดและนั่นแหละคือ การพึ่งตนเองในบริบทของตนเองอย่างแท้จริง เหลือบ่ากว่าแรง ค่อยว่ากันอีกที นั่นเป็น บริบทของภาครัฐที่ต้องรองรับกันต่อไป....
