หลายท่านอาจสงสัยว่า ทำไมมาทำอะไรตอนปลายปีงบประมาณ เราไม่ได้ทำงานเพื่อขอรับเงินประจำเดือนเพื่อประทังชีวิตแต่อย่างเดียว หรือตั้งใจตอบตัวชี้วัดอะไร เราทำให้คุ้มค่ากับภาษีของประชาชนที่จ้างเรามาทำ ไม่อยากเปรียบกับลูกจ้าง ที่บางคนก็ทำเพื่อได้เงินเดือน บางคนทำเพื่ออุดมการณ์อยากช่วยงาน ช่วยประชาชน ซึ่งหายากพอควร แต่ก็มีให้เห็นบ้างและน่าสนใจ เข้าประเด็นเลยครับ ปัญหาของงานดูแลผู้ป่วยเบาหวาน ที่ CUP แจ้ง จะโอนผู้ป่วยและยา มาให้พยาบาล รพสต.ดูแล รวมถึงการปรับยาเอง โดยเริ่ม 1 ตุลาคม นี้ เป็นเรื่องที่ท้าทายทีมงาน และความจริง ก็มีมาให้เห็น พบว่ามีผู้ป่วยบางรายเข้าขอรับบริการใน รพ.สต.แล้ว ซึ่งน่าสนใจมาก บางรายได้ยากลับไป บางรายโวยวายว่าไม่ได้รับยา นี่สิคือปัญหา ปกติแล้ว ผู้ที่จะได้รับยา จะต้องได้รับการตรวจเลือด เจาะแล็ปส่ง แพทย์เพื่อวินิจฉัย ก่อนได้รับยาจาก รพ. โดยผู้ป่วยต้องนำเอกสารจาก รพ.มาแจ้ง รพ.สต. เพื่อทำการขึ้นทะเบียนรับจาก รพ.ดำเนินการให้บริการต่อไป ได้เกิดความไม่เข้าใจกันและเป็นข้อขัดแย้งที่ต้องเร่งแก้ไข เพราะจากแนวโน้มผู้ป่วยมีความยินดีรับยา ที่ รพ.สต. ซึ่งน่าสนใจอย่างยิ่งต่อ นโยบายลดความแออัดใน รพ. ประกอบกับการปฏิเสธการรับโอนผู้ป่วยจาก รพ.เนื่องจากขาดความพร้อม จึงได้เกิด...แนวความคิดส่งเสริมการสร้างเครือข่าย...ขึ้น โดยส่งเสริมให้มีการคัดเลือกประธานชมรมเบาหวานความัน ระดับหมู่บ้าน และตำบล มีคณะกรรมการ อย่างน้อย 9 คน ไม่รวมกรรมการที่ปรึกษา ทีประกอบไปด้วย นายก อบต. กำนันตำบล ประธาน อสม. และเจ้าหน้าที่ผู้ดูแล เมื่อเครือข่ายกำเนิดขึ้น จากการเสวนาประชาคม ทุกหมู่บ้านจะมีแกนนำเบาหวานทุกหมู่ การเชื่อมโยง เข้าถึงกลุ่มป่วยอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ การดูแล และการรักษา โดยส่งผลให้การเข้าถึงบริการของผู้ป่วยได้ครอบคลุม รวดเร็ว ลดปัญหาโรคแทรกซ้อนในผู้ปวย รวมถึงการเผยแพร่การป้องกันโรคเรื้อรัง ต่าง ๆ ยืดระยะเวลาการป่วย และลดอัตราการเกิดโรคเบาหวาน ความดัน อย่างยั่งยืนของตำบล ต่อไป
ประธานตำบล กล่าวขอบคุณสมาชิก
ลงทะเบียนประชาคม และ สมัครเป็นสมาชิก
ชี้แจงเหตุผลส่งเสริมประชาคมเบาหวานความดัน
ทีมงาน คณะกรรมการชมรมเบาหวานความดันตำบลนาสวรรค์
เลือกโหวต แบบกรรมการเลือกประธานกันเอง
เป็นที่ระลึก
มาครับ
เอาไงดีครับ
ประธานชมรมเบาหวานความดันตำบลนาสวรรค์
นางประมวล ปัดสอน