มีผู้รู้จากสำนักข่่าวออนไลน์ กล่าวว่า รัฐต้อง “เปิด” ให้ข้อมูลของรัฐเป็น “ข้อมูลสาธารณะ” เพราะการให้ข้อมูลเป็น “หน้าที่” ไม่ใช่ “ภาระ” และ “ข้อมูล” เป็นหัวใจสำคัญของความโปร่งใสนั้นรัฐต้องมีการเปิดเผยให้ประชาชนเข้าถึงได้ง่ายมากน้อยเพียงใด เพราะข้อมูลคือเครื่องมือในการเข้าถึง”โอกาส”และการตรวจสอบที่ดีที่สุด เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาการคอร์รัปชัน ความเหลื่อมล้ำในมิติต่างๆ มีการรวบรวม สำรวจลักษณะการเปิดเผยข้อมูลของหน่วยงานภาครัฐของไทยทั้งตัวอย่างที่ดีและที่ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ รวมทั้งตัวอย่างของต่างประเทศ และผลักดันให้เห็นว่าข้อมูลนั้น”สำคัญ” ต้องให้ประชาชนเข้าถึงอย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
ดังน้้น ในระบบสุขภาพก็ไม่ต่างกันในการนำเสนอข้อมูลข่าวสารด้านสุขภาพให้ทั่วถึง กลุ่มเป้าหมายสามารถไปประกอบการตัดสินใจได้ถูกต้อง เหมาะสม ลดการเจ็บป่วยด้วยโรคที่ป้องกันได้ สื่อที่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรได้รับและเข้าถึง เข้าใจ นำไปวิเคราะห์ ทบทวนโต้ตอบ ในการตัดสินใจได้ ว่าจะแสดงออกถึงพฤติกรรมที่ดีได้อย่างไร การขับเคลื่อนสื่อในปี 2564 ควรมีดังนี้
1.มีแผนงานการผลิตสื่อและใช้สื่อที่ชัดเจน ทั้งกำหนดเป้าหมาย พื้นที่ และวิธีการดำเนิงาน สิ้นสุดการดำเนินงาน ผลลัพธ์คืออะไรจากการใช้สื่อแล้ว การประเมิน ถอดบทเรียน จึงมีส่วนเกี่ยวข้องมาก
2.การใช้เทคโนโลีที่ทันสมัย สามารถวิเคราะห์ถึงรายบุคคล สายใยเชื่อมโยงครอบครัว และสู่หมู่บ้านชุมชน สามารถนำข้อมูลพื้นฐานมานำเสนอในภาพรวม ใช้ในการติดตามประเมินผล ให้คุณค่าแก่งานในพื้นที่
3.สื่อที่ผลิต ต้องไม่ทิ้งกลุ่มเปราะบางหรือกลุ่มด้อยโอกาสทางสังคม เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว สร้างความมั่นใจ มีความปลอดภัย บุคคลใช้ชีวิตดำรงอยู่อย่างไม่หวาดระแวง นำไปสู่สังคมคุณภาพชีวิต ซึ่งกลุ่มเป้าหมายในการช่วยขับเคลื่อนสื่่อสุขภาพ ประกอบด้วย
3.1 Air War ทั้งสื่อออนไลน์ผ่านแอป ต่าง ๆ เป็นหลัก เช่น เฟสบุ๊ก ไลน์ อินสตาแกรม บล็อก
อื่่น ๆ และทางวิทยุ หอกระจายข่าวในชุมชน เสียงตามสาย หรือรถโฆษณา
3.2 Ground War เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ป้ายโฆษณา แผ่นพับ ใบปลิว หรือแม้แต่สื่อบุคคล
ช่องทางเหล่านี้ จะเป็นเครื่องมือที่ต้องปรับให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อสร้างการรับรู้ ให้เกิดความเข้าใจ นำไปสู่การปฏิบัติ ผู้นำเสนอต้องอาศัยศาสตร์และศิลปะอย่างมาก ทั้งออกแบบและการนำเสนออยา่งไรให้ผู้รับสารมีความรู้สึกอยากปฏิับัติตาม คุณภาพของสื่อจึงคัญ โดยพื้นฐานตัวสื่อต้องมี ดังนี้
1. เนื้อหาสอดคล้องกับตัวชี้วัดหรือวัตถุประสงค์
2. เนื้อหาถูกต้องตามหลักวิชาทันสมัย ยากง่ายเหมาะสมกับกลุ่มวัย ไมม่ขัดต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อยของชาติ
3. ภาษาถูกต้องเหมาะสม ชัดเจน สื่อความหมายให้เข้าใจได้ง่าย4. ดึงดูดความสนใจ ส่งเสริมกระบวนการคิด การลงมือปฏิบัติ แก้ปัญหา สรุปหลักความคิด สร้างองค์ความรู้
5. กระตุ้นให้คิดทบทวนความเข้าใจในบทเรียน ชัดเจน ปฏิบัติได้
6. มีความชัดเจนและนำไปใช้ได้จริง
7. มีภาพ ตาราง แผนภูมิ ช่วยให้เกิดความเข้าใจชัดเจนยิ่งขึ้น
8. สร้างสรรค์ ส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรม
การพัฒนาสื่อสารด้านสุขภาพ เป็นภารกิจ Health Media และ Public Relation จึงจำเป็นต้องอาศัยศาสตร์และศิลป์ในการสร้างสรรค์ผลงานให้เหมาะกับบริบทพื้นที่ และวััตถุประสงค์ ตัวชี้วัดของผู้ใช้งาน เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทันตามยุคสมัย และให้ระดับชุมชนก้าวทันโลก หมู่บ้านต้นแบบสื่อสุขภาพ จึง
บังเกิดขึ้น
